วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดบทที่ 8


แบบฝึกหัดบทที่ 8

1''.นาย Aทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้โดยทำการระบุ lP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัยนายBที่เป็นเพื่อนสนิทของนายAได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื้อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้ส่งต่อให้เพื่อนๆที่รู้จักได้ทดลอง'' การกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆหรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ ผิดจริยธรรมเพราะสร้างโปรแกรมขึ้นมาแล้วใช้แกล้งคนอื่นโดยไม่เกิดประโยชน์มีแต่ความเสียหายก่อกวนระบบ

2. ''นาย J ได้สร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐานอ้างอิงจากตำราต่างๆอีกทั้งรูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุก ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆเด็กชายK เป็นนักเรียนในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J '' การกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรืผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ ไม่ผิดเพราะนาย J สร้างขึ้นเพื่อความสนุกและต้องการให้คนอื่นได้รู้จึงไม่ผิดกฎหมายและจริยธรรม

แบบฝึกหัดบทที่ 7


1.หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คือ 
ตอบ
เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสารระหว่างเขตที่เชื่อถือต่างกัน เช่น อินเตอร์เน็ต (อาจนับเป็นเขตที่เชื่อถือไม่ได้) และ อินทราเน็ต (เขตที่เชื่อถือได้) โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย ระดับโพรโทคอลของระบบเครือข่าย ความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลมีช่องโหว่ อาจนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้

2.จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์
ตอบ worm หมายถึง โปรแกรมซึ่งเป็นอิสระจากโปรแกรมอื่นๆ โดยขะแพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่อยู่บนเครือข่ายการแพร่กระจายจะคล้ายกับตัวหนอนที่เจาะไซหรือชอนไปยัะงเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆแพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตนเองออกและส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป

3.ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง 
ตอบ
มี2ชนิด ได้แก่ 1) Application viruses
                   2) System viruses

4.ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัวคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
ตอบ 4.1 องค์กรมีนโยบายการให้ผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทุกคนต้องเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ หรืออย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
4.2 มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้ระบบในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
4.3 องค์กรอาจมีการนำอุปกรณ์ตรวจจับทางชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์
4.4 มีการเข้ารหัสข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
4.5 มีระเบียบการปฎิบัติในการควบคุมอย่างชัดแจ้งในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ


5.มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันได้แก่
ตอบ
เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (Information and Communication Technology:ICT) มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันประเทศเข้าสู่สังคมโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีพื้นฐานแห่งการระดมสมอง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง
การที่เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อ เนื่องจนทำให้เกิด สภาพที่เรียกว่าพื้นที่ไซเบอร์ (Cyberspace) และโลกเสมือนจริง (Virtual World) นั้นมีผลทั้งในด้านดีและด้านเสีย ในด้านดีคือ เทคโนโลยีช่วยให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำงานต่างๆมีความสะดวกและรวดเร็ว มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เป็นเครื่องมือในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นได้ย่อโลกเราให้แคบลง ทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถค้นคว้าได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ในด้านการทำงานนั้นมันเป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียว เพราะมันช่วยให้เราประหยัดเวลาในการทำงาน มันเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไป ติดต่อธุรกิจ นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์อีกมากมายแต่ในด้านดีนั้นมันก็ยังมีด้านเสีย ประกอบอยู่ด้วยเพราะสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะ เห็นว่ามี ปัญหาต่างๆมากมายที่เกิดตามมาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น คนในสังคมได้รับผลกระทบจากอัตราการจ้างงาน เมื่อมีการนำเอาระบบสารสนเทศมาใช้การจ้างงานจึงลดลง ทำให้คนขาดรายได้ และตกงาน เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เช่น การโจรกรรมผ่านระบบออนไลน์ เว็บไซด์ลามก การล่อลวงทางเพศในโลกออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีอันตรายทางอ้อมจากเว็บไซด์อันตราย เช่น เกมส์ออนไลน์ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในหมู่เด็กๆ และการไม่รับผิดชอบต่อความผิดที่เกิดขึ้น เพราะยากในการสืบสวน สอบสวน เนื่องจากโลกไซเบอร์นั้นมันมีอยู่ทั่วทุกที่ ยากต่อการควบคุมให้อยู่ในกฎระเบียบ อีกทั้งมันยังส่งผลกระทบด้านภาษา เราพบว่ามีการใช้ภาษาที่สั้นกะทัดรัด เป็น คำที่ใช้เฉพาะกลุ่ม มีการใช้คำแผลง อาจส่งผลต่อการนำไปใช้ในชีวิตจริงๆพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ทำการสร้างข่าว สารเท็จก่อให้เกิดความวุ่นวายกับเว็บไซด์  การฉ้อโกง การล่อลวงทางเพศ อาชญากรรมทางธุรกิจ โดยผู้กระทำผิดนั้นล้วนแล้วแต่ดำเนินการผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมันยากต่อการติดตามของเจ้าหน้าที่รักษาความเรียบร้อยบนพื้นที่ออนไลน์  ดังนั้นคุณธรรมและจริยธรรมในการทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่ไซเบอร์ คือ มาตรการหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเพื่อที่จะให้เกิดการพัฒนาอย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไปได้
แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาบนพื้นที่ไซเบอร์
1.มาตรการทางการบริหาร หน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องมีบุคลากรที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน และในขณะนี้ทางภาครัฐได้มีการดำเนินนโยบายขยายการใช้อินเทอร์เน็ตไปสู่ สังคมระดับรากหญ้า หากไม่มีการระมัดระวังและเตรียมการที่ดีก็อาจเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมและ กิจกรรมที่ไม่เหมาะสมบนอินเทอร์เน็ตไปสู่รากหญ้าและเยาวชนในชนบท แต่หากมีการเตรียมการที่ดี ตำบลอาจใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการกระจายความเจริญทางเทคโนโลยีและกระจาย องค์ความรู้ใหม่ ๆไปสู่สังคมได้ ดังนั้นหน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีการวางมาตรการที่เด็ดขาดในการควบคุมดูแล พื้นที่ไซเบอร์ มีนโยบายที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ
2.มาตรการทางกฎหมายหน่วยงานที่ทำหน้าที่ใน การบังคับใช้กฎหมายต้องมีบุคลากรอย่างเพียงพอ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากกำหนดให้การกระทำอันมิชอบทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ต เป็นความผิดที่ไม่ต่างจากการกระทำในโลกจริงแล้วยังพยายามแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมาย เพิ่มอำนาจการสืบสวนสอบสวน เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานให้กับเจ้าพนักงานของรัฐรวมทั้งกำหนดให้ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวพันกับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายมีหน้าที่ตาม กฎหมายต้องจัดเก็บส่งมอบหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานเพื่อช่วยกันนำตัว ผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
3.มาตรการทางการ ควบคุมจรรยาบรรณ จะต้องมีเครือข่าย ที่มีการดูแล ผู้ประกอบอาชีพและทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซเบอร์ ที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ควรมีการป้องกันการชี้นำความคิดที่ผิดให้แก่คนในสังคม การที่ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดสมาคมและเครือข่ายเพื่อดูแลกันเอง เพราะการเก็บข้อมูล หรือแสดงข้อมูล เพื่อแสดงตัวตน และความน่าเชื่อถือในขอบเขตเรื่องธุรกิจ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และองค์กร เครือ ข่าย สมาคม ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังสามารถช่วยเหลือคนในวงการอินเตอร์เน็ต ช่วยคนทำเว็บไซต์ ใช้สายสัมพันธ์ในการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
4.มาตรการทางสังคม ต้องยกระดับและพัฒนาสถาบันพื้นฐาน เช่น สถาบันครอบครัวสถาบันศาสนา สถาบันทางสังคม และสถาบันทางธุรกิจให้มีความรู้ ความสามารถด้านไอทีเพียงพอที่จะดูแลบุคคลในสถาบันของตน โดยที่ผู้นำองค์กรทางธุรกิจและสังคมต้องมีความรู้ทาง ไอทีเป็นอย่างดี
5.มาตรการทางการศึกษา ควรพัฒนาการศึกษาระบบสารสนเทศและความรู้ไอทีให้กว้างขวาง รวมทั้งจัดทำหลักสูตรออนไลน์ ให้ครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งในและนอกระบบการศึกษา
6.มาตรการทาง คุณธรรมและจริยธรรม ได้แก่ การจัดระบบการให้การศึกษาแก่ผู้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทางด้านคุณธรรมและ จริยธรรม เพื่อให้เขาเหล่านั้นเข้าไปชักนำโลกเสมือนจริงและการทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซ เบอร์ไปในทางที่ถูกที่ควร
ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี ประกาศใช้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง มีผู้ควบคุมดูและระบบใหญ่และระบบย่อยทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการส่งเสริมให้คนมีคุณภาพเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต และต้องสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นมากๆ รณรงค์ให้ผู้บริหารฯ อาจารย์ นักวิชาการ หรือแม้กะทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำการเขียนบทความลง website  webblog เหล่านี้จะเป็นการส่งเสริมผลักดันให้มีเว็บไซต์คุณภาพ ที่สำคัญคือสถานศึกษาต้องปลูกฝังจิตสำนึกของนักเรียนในสถาบันของตนเองให้มี ความรู้ ความเข้าใจในการใช้Internet อย่างถูกต้อ

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 5


1.จงหาความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ การจัดการสารสนเทศ หมายถึง วิธีการที่องค์การต่าง ๆ วางแผน จัดเก็บ จัดระบบ นำมาใช้ ควบคุม เผยแพร่ และกำจัดสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ
        ในทางปฏิบัติ การจัดการสารสนเทศประกอบด้วยการทำงานต่าง ๆ ทั้งแบบอัตโนมัติหรือทำด้วยมือ เช่น
        1. การจัดหมวดหมู่และกำหนดรหัสข้อ
        2. การให้ดัชนีหัวเรื่อง วิชา สาขา
        3. การสร้างและรวบรวมศัพท์เฉพาะที่ใช้
        4. การทำเอกสาประกอบ ทำดัชนีตามชื่อ สถานที่ และเหตุการณ์
        5. การออกแบบโครงสร้างข้อมูลและฐานข้อมูล
        6. การจัดเก็บเอกสาร หนังสือ ทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และแบบปกติทั่วไป
        7. การจัดเก็บภาพด้วยวิธีต่าง ๆ
        8. การตรวจสอบและทบทวนสารสนเทศที่มีอยู่ รวมทั้งแหล่งที่มา กำจัดสารสนเทศที่ล้าสมัย
การจัดระบบสารสนเทศ จำเป็นต้องมีระบบสารสนเทศ คือเครื่องมือในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งประกอบไปด้วย
                1. ระบบคอมพิวเตอร์
                2. โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
                3. โปรแกรมประมวลผลข้อมูล
                4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
                5. บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น พนักงานป้อนข้อมูล โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบเป็นต้น
2.การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและองค์การอย่างไร
ตอบ  มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากหากเราสามารถจัดการได้อย่างถูกต้องเป็นระบบระเบียบจะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น สะดวก เช่นเดียวกับองค์การหากมีการจัดการสารสนเทศที่ดีมีประสิทธิภาพก็จะทำให้องค์การนั้นๆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่น สะดวกรวดเร็ว ไม่ขัดข้อง
3.พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
ตอบ  การจัดการสารสนเทศโดยทั่วไป แบ่งอย่างกว้างๆ
ได้เป็น 2 ยุค เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างน้อย 3 อย่าง
ตอบ 1.การจัดการเงินในการใช้จ่ายซื้ออาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในแต่ละวัน
          2.การจัดการแบ่งเวลาในการเรียน การพักผ่อน และทำกิจวัตรประจำวันในแต่ละวัน
          3.การจัดการในเรื่องของควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายในแต่ละวัน
          4.การจัดการในเรื่องความสะอาดของห้องพัก ดูแลให้สะอาดเเละเรียบร้อยเพื่อสุขอนามัยในแต่ละวันตามเวลาว่ามีมากหรือน้อย
          5.การจัดการในเรื่องของเสื้อผ้าว่าจะต้องทำความสะอาดและรีด พับ เก็บให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวกในการสวมใส่ในแต่วันที่จะต้องทำกิจกรรมแตกต่างกันออกไป




วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 2

1.ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
   1.1.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษา
         http://www.web.msu.ac.th/news.php?gid=ELEARNING
         http://board.ru.ac.th/testemc/center/test.php?term=1_54
         http://www.stou.ac.th/study/bachelor/
   1.2.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
         http://www.weloveshopping.com/
         http://www.shopat7.com/
         http://www.thaiebaybible.com/about-thai-ebay-bible/
   1.3.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
         http://www.mcot.net/ModerNineTV
         http://www.cattelecom.com/site/th/main.php
         http://bangyai9675mhz.tht.in/
   1.4.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
         http://www.mitrphol.com/th/index.php
         http://www.thaitobacco.or.th/
         http://www.skmould.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=290914
   1.5.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางแพทย์
         http://www.thailabonline.com/
         http://clinic.worldmedic.com/main/index.php
         http://www.doctor.or.th/taxonomy/term/93/all
   1.6.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหาร ตำรวจ
         http://www.pinonlines.com/node/14079
         http://www.rta.mi.th/torbor.html
         http://www.royalthaipolice.go.th/
   1.7.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
         http://www.yotathai.net/
         http://www.dpt.go.th/
         http://medi.moph.go.th/
   1.8.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
         http://kasetonline.com/
         http://www.kasetporpeang.com/
         http://www.rakbankerd.com/agriculture/
   1.9.
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
         http://elearning.nectec.or.th/index.php?mod=Courses&op=showcontent&cid=50&lid=380&page=1
         http://www.rs.mahidol.ac.th/thai/library.html   http://www.komchadluek.net/detail/20110206/88021/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8.html
2.มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง
บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
        -ระบบลงทะเบียนเรียน
        -ห้องสมุดกิจกรรม มมส. ออนไลน์
        -ระบบ e-learning
3.ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
   - สามารถ Download เอกสารงานวิจัย วิทยานิพนธ์ฟรีจาก

- สามารถลงทะเบียนเรียน ตรวจสอบข้อมูลการศึกษา ได้จาก 

- สามารถติดตามข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัย และดูรายละเอียดต่างๆในหลักสูตรได้จาก        
..

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

การปลูกมะนาว


การปลูกมะนาว

พันธุ์มะนาวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และปลูกกันในประเทศไทยในปัจจุบัน ได้แก่
                1. มะนาวหนัง ผลอ่อนมีลักษณะกลมยาวหัวท้ายแหลม เมื่อโตเต็มที่ผลจะมีลักษณะกลมค่อนข้างยาว มีกลมมนบ้างเล็กน้อย ด้านหัวมีจุกเล็ก ๆ มีเปลือกค่อนข้างหนา จึงทำให้เก็บรักษาผลไว้ได้นาน
                2. มะนาวไข่ มีขนาดและลักษณะคล้ายมะนาวหนังเกือบทุกอย่าง ผลอ่อนมีลักษณะกลมยาวหัวท้ายแหลม เมื่อโตเต็มที่ผลจะมีลักษณะกลมมนเป็นส่วนมากเปลือกบาง ผลโตกว่ามะนาวหนัง
                3. มะนาวแป้น เป็นมะนาวที่สามารถให้ดอกออกผลตลอดปีผลมีขนาดกลาง ทรงผลแป้น เปลือกบาง มีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์แป้นรำไพแป้นทราย เป็นต้น
การเตรียมพื้นที่ปลูก
                1. พื้นที่ลุ่ม เตรียมพื้นที่โดยการทำคันดินให้มีความกว้างประมาณ 6-8 เมตร ส่วนสูงให้สังเกตจากปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูงโดยให้อยู่สูงกว่า แนวระดับน้ำท่วม 50 เซนติเมตร แทงร่องหรือซอยร่องทำประตูน้ำเพื่อ ระบายน้ำเข้าออก ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร พื้นที่ร่องกว้าง 0.5-0.7 เมตร ใช้ระยะปลูก 5X5 เมตร
                2. พื้นที่ดอน ควรไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช และทำให้ดินร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 4 x 4 - 6 x 6 เมตร ทั้งนี้ขื้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินมะนาวเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินทราย แต่ถ้าต้องการจะปลูกมะนาวให้เจริญงอกงามดี มี ผลดกและคุณภาพดี ก็ควรจะปลูกในพื้นที่ที่เป็นดินร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีอินทรียวัตถุผสมอยู่มาก และควรเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ
วิธีการปลูก 
1. ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
2. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร
3. ผสมดิน ปุ๋ยคอก และปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกันในหลุมให้ สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
4. ยกถุงกล้าต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
5. ใช้มีดที่คมกรีดถุงจากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
6. ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
7. กลบดินที่เหลือลงในหลุม
8. กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
9. ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมพัดโยก
10. หาวัสถุคลุมดินบริเวณโคนต้น เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง
11. รดน้ำให้โชก
12. ทำร่มเงา เพื่อช่วยพรางแสงแดด
การปฏิบัติดูแลรักษา
1. การให้น้ำ 
                ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ปลูกใหม่ๆ ควรให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างน้อย (กรณีฝนไม่ตก) หลังจากปลูกประมาณ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง และควรหา วัสดุมาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้น ควรเริ่มงดให้น้ำ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เป็นต้นไป จนถึงช่วงออกดอกเพื่อให้มะนาวสะสม อาหารให้สูงถึงระดับที่สามารถสร้างตาดอกได้ ปกติมะนาวจะออกดอก เดือนเมษายน-พฤษภาคม หลังจากมะนาวออกดอก และกำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวต้องการน้ำมาก เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของผล
2. การใส่ปุ๋ย
                2.1 หลังจากมะนาวอายุได้ 3-4 เดือน ควรใส่ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก ประมาณต้นละ 0.5 กิโลกรัม กรณีใส่ปุ๋ยเคมีควรใส่หลังจาก พรวนดินกำจัดวัชพืชแล้ว โดยใส่บริเวณรอบทรงพุ่ม แล้วก็ให้น้ำตามเพื่อ ให้ปุ๋ยละลาย
            2.2 เมื่อมะนาวอายุ 1 ปี ให้ใส่ปุ๋ยตราบัวทิพย์ สูตร 2 ประมาณ ต้นละ 300 กรัม และเมื่อมะนาวอายุ 2 ปี ก็เพิ่มปริมาญปุ๋ยโดยใส่ปีละ 2 ครั้ง ๆ ละประมาณ 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ขี้นอยู่กับสภาพความอุดมสมบูรณ์ ของตน และเมื่อมะนาวอายุย่างเข้าปีที่ 3 ก็จะเริ่มให้ผลผลิต
            2.3 ช่วงระยะก่อนออกดอกประมาณ 1-2 เดือน ให้ใส่ปุ๋ย เพื่อเร่งการเจริญเติบโตในระยะที่ยังไม่ออกดอก ในระยะเร่งการออกดอก ประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ปริมาณที่ใช้ ขึ้นอยู่กับอายุของต้นพืช โดยใส่ในปริมาณครึ่งหนึ่งของอายุต้น
3. การกำจัดวัชพืช 
                การกำจัดวัชพืชในสวนมะนาวสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ถอน ถาง หรือใช้เครื่องตัดหญ้าแต่ต้องระวังอย่าให้เกิดบาดแผลตามโคนต้น หรือกระทบกระเทือนราก วิธีกำจัดวัชพืชอีกวิธีหนึ่งที่นิยมคือการใช้สารเคมี เช่น พาราชวิท ไกลโฟเสท ดาวพอน เป็นตัน โดยการใช้จะต้องระวัง อย่าให้สารพวกนี้ปลิวไปถูกใบมะนาวเพราะอาจเกิดอันตรายได้ เช่นทำให้ ใบไหม้เหลืองเป็นจุดๆ หรือไหม้ทั้งใบ ดังนั้นจึงควรฉีดพ่นตอนลมสงบ
4. การค้ำกิ่ง
                เมื่อมะนาวใกล้จะผลิดอกออกผล ต้องมีการค้ำกิ่งให้กับต้นมะนาวด้วย เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักหรือฉีกขาดโดยเฉพาะในช่วงติดผล และยังช่วยลดความเสียหาย เนื่องจากโรคและแมลงได้ โดยวิธีการค้ำกิ่ง สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
                1. การค้ำกิ่งโดยการใช้ไม้รวกหรือไม่ไผ่ทำเป็นง่าม สอดเข้ากับกิ่งมะนาว ให้ปลายอีกข้างหนึ่งวางตั้งรับน้ำหนัก      ของกิ่งอยู่บนพื้นดิน แล้วใช้เชือกผูกมัดกิ่งไว้
                2. การค้ำกิ่งแบบคอกหรือนั่งร้าน โดยเอาไม้มาทำเป็นนั่งร้านรูปสี่เหลี่ยนรอบๆ ต้นมะนาวเพื่อรองรับกิ่งใหญ่ ๆ ของมะนาวไว้ อาจทำเป็น 2-3 ชั้น แล้วให้กิ่งพาดอยู่ที่ชั้นใดก็ได้ ซึ่งวิธีนื้จะมั่นคงทนทาน และใชัประโยชน์ได้ดีกว่าวิธีแรก
5. การตัดแต่งกิ่ง
                เพื่อให้มะนาวมีทรงพุ่มสวยและให้ผลดกปราศจากการทำลายของโรคและแมลง การตัดแต่งกิ่งควรทำหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว โดยตัดกิ่งที่เป็นโรค กิ่งแห้ง กิ่งที่ไม่มีประโยชน์ออกให้หมด แล้วนำไปเผาทำลาย อย่าปล่อยทิ้งไว้ตามโคนต้น เพราะจะทำให้เป็นแหล่งสะสมโรคได้
ที่มา : ชมรมการเกษตร http://myveget.com

การปลูกขิง


การปลูกขิง

ขิงเป็นพืชที่ชอบอากาศชื้น มีอุณหภูมิสูงพอสมควร พื้นที่ในการปลูกควรมีร่มเงากำบังบ้าง แหล่งปลูกขิงที่ดีควรมีระดับฝนตกเฉลี่ย 80-100 นิ้วต่อปี มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,000-5,000 ฟุต ดินที่เหมาะสมในการปลูก ควรเป็นดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุสูงพอสมควร การระบายน้ำดี มีความเป็นกรด - ด่าง ประมาณ 6-6.5 หากพบว่าดินเป็นกรดมากก็ให้ใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินประมาณ 200-400 กิโลกรัมต่อไร่
ฤดูการปลูกขิง
การปลูกในฤดูฝน ขิงที่ปลูกขายกันไม่ว่าจะเป็นขิงอ่อนหรือขิงแก่ส่วนใหญ่จะเป็นขิงที่ปลูกในฤดูฝนเกือบทั้งหมด
การปลูกขิงในฤดูฝนนี้นิยมปลูกต้นฤดูฝน ในระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
                 การปลูกนอกฤดูฝน โดยจะทำการปลูกในฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
การเตรียมดินปลูก
โดยทำการไถพรวนดิน 3-4 ครั้ง จากนั้นก็ทำการยกแปลงหรือยกร่องปลูก ถ้าปลูกแบบแปลงก็ทำให้การยกแปลงปลูกให้มีขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 15-20 เซนติเมตร ความยาวขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ ถ้าปลูกแบบร่องก็ทำเป็นร่องปลูก โดยให้ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 50-70 เซนติเมตรส่วนความสูงและความยาวก็เช่นกัน ก่อนการปลูกจึงควรหาปุ๋ย อินทรีย์อาจเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็ได้ในอัตรา 3-4 ต้น/ไร่ ใส่ปูนขาวประมาณ 200-400 กิโลกรัม / ไร่รดน้ำทิ้งไว้ 15-30 วัน จึงค่อยลงมือปลูกต่อไป
การเตรียมพันธุ์ปลูก
 ทำการตัดท่อนพันธุ์เป็นท่อน ๆ ยาวประมาณท่อนละ 2 นิ้ว โดยแต่ละท่อนให้มีตาบนแง่งประมาณ 2-3 ตา นำท่อนพันธุ์ดังกล่าวไปแช่ในน้ำยากำจัดเชื้อราอีกครั้ง อาจใช้ยาพวกไดโฟลาแทนหรือแมนเซ็ท-ดีในอัตรา 2-4 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปีบ หรือใช้เบนเลทในอัตรา 1 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปีบ แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาที หรืออาจใช้วิธีคลุกด้วยยาซีรีแซนผงผสมน้ำคลุกได้เช่นกัน นำท่อนพันธุ์ที่แช่หรือคลุกยาดังกล่าวมาผึ่งแดดให้แห้งอีกครั้งหนึ่งจึงค่อยนำไปปลูก สำหรับพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะใช้ท่อนพันธุ์ขิงประมาณ 200-400 กิโลกรัม
วิธีการปลูกและระยะปลูก
                การปลูกโดยอาศัยน้ำฝน เป็นการปลูกในร่องหรือระหว่างร่อง โดยมีสันร่องสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ปลูกก็โดยนำท่อนพันธุ์วางลงในหลุมปลูกหลุมละ 1 ท่อน หลุมปลูกควรมีความลึกประมาณ 4-5 เซนติเมตรระยะระหว่างหลุม 20-25 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 50-70 เซนติเมตร ในพื้นที่ 1 ไร่จะใช้ท่อนพันธุ์ปลูกประมาณ 190-230 กิโลกรัม
                การปลูกโดยอาศัยน้ำชลประทาน โดยจะทำการปลูกบนสันร่อง ร่องปลูกสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร และมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ระหว่างแปลงปลูกควรมีทางระบายน้ำกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร วิธีนี้จะใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่าวิธีแรกเพื่อสะดวกในการใช้น้ำซึ่งไม่เหมือนกับการปลูกในวิธีแรก ที่ต้องปลูกชิดเพื่อรักษาความชื้นเอาไว้ มีหลุมปลูกลึกประมาณ 4-5 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 30-35 เซนติเมตร ระหว่างแถวประมาณ 50-70 เซนติเมตร
                การปลูกขิงอ่อน เตรียมแปลงแล้วก็นำเอาแง่งขิงที่เตรียมไว้ลงในแปลงปลูก โดยใช้มือคุ้ยทรายหรือเสียมเล็ก ๆ ก็ได้ ลึกประมาณ 8 เซนติเมตร แล้ววางท่อนพันธุ์ในแนวตั้ง หลังจากปลูกประมาณ 1 เดือน ขิงจะแทงหน่อขึ้นมาให้เห็นมีความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ขิงมีอายุได้ 2 เดือน ขิงรุ่นแรกจะโผล่พ้นพื้นทรายขึ้นมาสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ถ้าหากสูงขึ้นมาประมาณ 30-40 เซนติเมตร ก็ทำการเก็บหน่อขายได้ ระยะเวลาที่เก็บแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 12-15 วัน จากสถิติผลผลิตที่ได้นั้นแม่ขิงที่เพาะ 100 กิโลกรัม จะเก็บขิงอ่อนรุ่นแรกได้ประมาณ 13 กิโลกรัม ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะเก็บได้รุ่นละประมาณ 6-12 กิโลกรัม
ที่มา :  http://www.doae.go.th